บทเรียนจาก “ปลา iberry”: นักสร้างแบรนด์ร้านอาหารไทยที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ควรเรียนรู้

27 ปีแห่งการเดินทางของ “ปลา iberry” จากร้านไอศกรีมสู่จักรวาลร้านอาหาร 18 แบรนด์ เผยบทเรียนสำคัญที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ควรนำไปปรับใช้

สรุปสั้น: Lessons จาก ปลา iberry สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่

  1. อย่ายึดติดความสำเร็จเก่า → ต้องกล้าปรับธุรกิจตามวัฏจักรตลาด
  2. ทีมสำคัญกว่าเมนู → Mindset ดีและอยู่ด้วยกันได้นานคือหัวใจ
  3. ระบบหลังบ้านแข็งแรง → ทำให้การขยายสาขายั่งยืน
  4. รักษาความไว้วางใจ → Brand Trust มีค่ากว่าการทำโปรโมชั่น
  5. ราคาเป็นศิลปะ → Premium Mass แต่ต้องคุ้มค่า
  6. CEO ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่าง → คิดแบบ Creative Director
  7. วิกฤตคือโอกาสเริ่มใหม่ → การล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ
  8. คิดไกลกว่าร้านเดียว → ต้องออกแบบแบรนด์ให้ Scale ได้ระดับโลก

จากร้านไอศกรีมสู่จักรวาลแบรนด์อาหาร

27 ปีก่อน “ปลา–อัจฉรา บุรารักษ์” หรือที่คนรู้จักกันในชื่อ “ปลา iberry” เริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่อายุเพียง 22 ปี กับร้านไอศกรีมเล็ก ๆ ภายใต้ชื่อ iberry แต่จากเส้นทางกว่า 2 ทศวรรษ วันนี้เธอคือเจ้าของ 4 บริษัท 18 แบรนด์ร้านอาหาร ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่มากมาย

สิ่งที่น่าสนใจคือ iberry Group ไม่ได้ยึดติดอยู่แค่ธุรกิจของหวาน เพราะเธอเห็นว่า ธุรกิจไอศกรีมมีวงจรสั้น จึงปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหาร ผ่าน “กับข้าวกับปลา” และ “โรงสี” ก่อนจะค่อย ๆ หาจุดลงตัวในการสร้างแบรนด์ที่ยืนระยะได้ยาวกว่า

หัวใจของการสร้างธุรกิจ: ทีมงานมาก่อนเมนู

หลายคนอาจคิดว่า “ทำอาหารเก่ง” คือกุญแจสู่ความสำเร็จ แต่คุณปลากลับบอกชัดว่า ทีมงานคือสิ่งสำคัญที่สุด

  • เธอเลือกคนที่มี Mindset ที่ใช่ มากกว่าคนที่เก่งเพียงอย่างเดียว
  • การรับสมัครคือ “ศิลปะในการดูคนให้ออกภายใน 1 ชั่วโมง”
  • เมื่อได้คนที่ใช่แล้ว ต้องสร้าง โอกาสเติบโต + ค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผล เพื่อให้คนอยู่กับเราได้นาน

นี่คือเหตุผลที่ iberry Group มีทีมงานที่ทำงานร่วมกันยาวนานถึง 10–20 ปี และนี่เองคือทุนมนุษย์ที่ทำให้ธุรกิจโตต่อเนื่อง

ระบบหลังบ้านที่แข็งแรงคือรากฐาน

การขยายร้านอาหารไม่ใช่แค่เปิดสาขาเพิ่ม แต่คือการทำให้ลูกค้าทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ “เหมือนกัน” ทุกครั้งที่เข้าร้าน

สิ่งที่ iberry Group ให้ความสำคัญคือ

  • มาตรฐานรสชาติที่เป๊ะ ทุกสาขา
  • ระบบหลังบ้านที่จัดการรอยรั่วได้
  • โครงสร้างและกระบวนการที่ชัดเจน

สิ่งเหล่านี้อาจไม่หวือหวาเหมือนหน้าร้าน แต่คือเสาหลักที่ทำให้แบรนด์ยืนระยะได้จริง

Brand Trust: ต้นทุนที่ประเมินค่าไม่ได้

ในโลกที่ร้านอาหารเปิดใหม่แทบทุกวัน สิ่งที่ลูกค้าเลือกไม่ใช่แค่เมนู แต่คือ ความไว้วางใจ

ลูกค้าจะตัดสินใจจ่ายเงินต่อมื้อ หากมั่นใจว่า “กินแล้วคุ้ม” และฐานแฟนคลับที่ภักดีต่อแบรนด์แรก ๆ จะทำให้การเปิดแบรนด์ใหม่ง่ายขึ้น

แต่ความไว้วางใจสร้างยากและเสียได้ง่าย นี่คือเหตุผลที่ iberry Group ไม่ประมาทกับคุณภาพเลยแม้แต่มื้อเดียว

ศิลปะแห่งการตั้งราคา

คุณปลามองว่าการตั้งราคาไม่ใช่ตัวเลข แต่คือการวางตำแหน่งของแบรนด์

  • 20% ของเมนูควร “จับต้องได้”
  • ที่เหลือคือ Premium Mass ที่คุณภาพต้องสูงสมราคา

นี่คือการทำให้แบรนด์อยู่ในใจคนได้ทั้งกลุ่มแมสและกลุ่มที่มองหาคุณภาพ

Creative Director มากกว่า CEO

แม้จะบริหารธุรกิจขนาดใหญ่ แต่คุณปลาเลือกนิยามตัวเองว่า Creative Director ไม่ใช่ CEO เธอโฟกัสที่การสร้างแรงบันดาลใจ ตั้งชื่อร้านให้น่าจดจำ และเดินทางเพื่อเก็บไอเดียมาต่อยอด

สำหรับเธอ “อาหาร” ไม่ได้ขายแค่รสชาติ แต่ขาย ประสบการณ์และเรื่องราว ที่ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วม

วิกฤตคือบทเรียนการเติบโต

เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ iberry Group เคยขาดทุนครึ่งหนึ่งของสาขา จนคุณปลาต้องเผชิญภาวะซึมเศร้า แต่เธอเลือกที่จะ “ปล่อยวาง” ความสำเร็จเก่า ๆ และไม่ผูกตัวเองไว้กับคำว่า iberry เพียงอย่างเดียว

การล้มเหลวครั้งนั้นทำให้เกิด “กับข้าวกับปลา” ที่ชัดเจนขึ้น และสอนเราว่า วิกฤตไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มใหม่เสมอ

เป้าหมายต่อไป: จาก Local Brand สู่ Global Brand

ปัจจุบัน iberry Group กำลังมุ่งสู่การขยายตลาดต่างประเทศ การจะทำเช่นนั้นได้ ต้องอาศัยทั้ง ทีมงานที่แข็งแรง ระบบหลังบ้านที่พร้อม และพาร์ทเนอร์ที่ดี

สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ บทเรียนคือการไม่หยุดอยู่กับที่ และต้องคิดเสมอว่าแบรนด์ที่สร้างขึ้นสามารถ Scale ได้ระดับ Regional และ Global

ข้อคิดสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่

  • อย่ายึดติดกับความสำเร็จเดิม
  • สร้างทีมที่แข็งแรงมากกว่าเมนูเด็ด
  • ลงทุนในระบบหลังบ้าน
  • รักษาความไว้วางใจของลูกค้า
  • คิดราคาเป็นศิลปะ
  • ทำธุรกิจด้วย Passion และ Creative Mindset
  • พร้อมล้มแล้วลุก เพื่อสร้างสิ่งใหม่
  • คิดให้ไกลกว่าร้านเดียว มองไปถึงระดับโลก
Exploring the Latest in Our Blog

Related Insights