มอง สปป.ลาว ให้มากกว่าตลาด — แต่คือ “Golden Land Link” จุดเชื่อม ไทย–จีน–เวียดนาม และคลังวัตถุดิบแห่งอาเซียน

สปป.ลาวไม่ใช่แค่ตลาด แต่คือ Golden Land Link ที่เชื่อมไทย–จีน–เวียดนาม พร้อมโอกาสในวัตถุดิบและเศรษฐกิจใหม่สำหรับ SME ไทยด

มองลาวให้มากกว่าตลาด: Golden Land Link ที่ SME ไทยไม่ควรมองข้าม

เมื่อพูดถึงประเทศลาว หลายคนอาจมองว่าเป็นตลาดเล็ก ๆ ที่ประชากรเพียง 7.6 ล้านคน และ GDP ยังไม่ถึง 20 พันล้านดอลลาร์ แต่จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานใกล้ชิดกับลาวอย่าง คุณรังสรรค์ พรมประสิทธิ์ (Co-Founder & CEO ของ QueQ, ที่ปรึกษา PTL Group และ "เขยลาว") เราได้เห็นอีกภาพหนึ่งของลาวที่น่าสนใจกว่าเดิมมาก: ลาวในฐานะ "Golden Land Link" ที่เชื่อมต่อภูมิภาคไทย–จีน–เวียดนาม ทั้งด้านเศรษฐกิจ โลจิสติกส์ และวัตถุดิบ

ในเวที SCB ITP#7 ที่ SEA Bridge ร่วมจัดกับ SCB และ DITP เพื่อพาผู้ประกอบการไทยที่มีรายได้ 50–500 ล้านบาทมามองตลาดใหม่ เราได้เรียนรู้ว่า "ลาว" คือโอกาสที่อยู่ใกล้กว่าที่คิด และไปได้ไกลกว่าที่เคย

ลาวไม่ใช่แค่ Land-locked แต่กำลังกลายเป็น Land-linked

ลาวในอดีตเคยถูกมองว่า "ประเทศปิด" หรือ land-locked แต่วันนี้กำลังพลิกบทบาทเป็น land-linked ประเทศ โดยใช้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเชื่อมต่อจีน เวียดนาม ไทย และต่อยอดไปถึงยุโรป:

  • รถไฟจีน–ลาว (Boten–Vientiane) เปิดใช้แล้วตั้งแต่ปี 2021 เชื่อมมณฑลยูนนานของจีนลงมาถึงเวียงจันทน์
  • รถไฟลาว–เวียดนาม (Laos-Vietnam Railway) จะเชื่อมจากเวียงจันทน์ไปยังท่าเรือ Vung Ang ในเวียดนาม และมีแผนเริ่มดำเนินการในปี 2030–2035
  • Vientiane Logistics Park และ Thanaleng Dry Port เป็นโครงการยุทธศาสตร์ของ PTL Group ที่จะยกระดับลาวเป็นศูนย์กลางขนส่งภาคพื้นของภูมิภาค

การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ได้เกิดโดยบังเอิญ แต่คือความร่วมมือเชิงนโยบายระหว่างรัฐบาลลาวและภาคเอกชน เช่น PTL Group ที่เข้ามาลงทุนภายใต้รูปแบบ Public-Private Partnership (PPP) และได้รับสัมปทานระยะยาวถึง 50+50 ปี

คลังวัตถุดิบแห่งอาเซียน ที่ยังรอการแปรรูป

อีกด้านที่ SME ไทยไม่ควรมองข้ามคือลาวคือ "คลังวัตถุดิบธรรมชาติ" ที่ยังไม่มีการแปรรูปอย่างเต็มศักยภาพ เช่น:

  • ทองคำ: ลาวเป็นประเทศผู้ผลิตทองคำอันดับ 3 ในอาเซียน รองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และกำลังจัดตั้ง Bullion Bank ธนาคารทองคำแห่งแรกของประเทศ
  • พลังงานน้ำ: กว่า 70% ของไฟฟ้าลาวมาจากพลังน้ำ และส่งออกเป็นรายได้หลักของประเทศ
  • พื้นที่เพาะปลูก: ลาวมีพื้นที่ป่าและการเกษตรกว้างขวาง เหมาะกับการต่อยอดวัตถุดิบ เช่น สมุนไพร พืชสมุนไพร น้ำมันหอมระเหย ฯลฯ

ปัจจุบันลาวยังมีโรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ค่อนข้างน้อย เช่น โรงงานดร.มาร์ติน หรือโรงงาน Muji เท่านั้น หมายความว่า SME ไทยที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารหรือเกษตรแปรรูป มีโอกาสเข้าไปตั้งโรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ได้ทันที

เวียงจันทน์ = เวียงจีน? เมื่อประชากร นักลงทุน และร้านอาหารจีนเริ่มหนาแน่น

ความสัมพันธ์ไทย–ลาวแข็งแกร่งในมิติวัฒนธรรม ภาษา และพฤติกรรมการบริโภค แต่เวียงจันทน์กำลังมีอีกบทบาทหนึ่งคือ ประตูการลงทุนของจีนในภูมิภาคอาเซียน

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่า เวียงจันทน์กำลังถูกขนานนามอย่างไม่เป็นทางการว่า "เวียงจีน" ด้วยจำนวนคนจีน นักลงทุน และโครงการที่ได้รับเงินทุนจากจีนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ตั้งแต่ร้าน Hotpot ไปจนถึงโครงการอสังหาและโลจิสติกส์ขนาดใหญ่

สิ่งนี้เป็นทั้งโอกาสและแรงผลัก: SME ไทยสามารถเข้าไปเป็นพันธมิตร ทำ OEM ร่วม หรือใช้ลาวเป็นฐานการผลิต/กระจายสินค้าเข้าสู่จีนตอนใต้ได้ในต้นทุนที่ถูกกว่าการเข้าไปจีนโดยตรง

กลยุทธ์เบื้องต้นสำหรับ SME ไทยที่อยากบุกลาวให้ได้ไกล

  1. มองลาวเป็นจุดเชื่อมมากกว่าจุดจบทางการค้า
    • ใช้ลาวเป็นฐานเชื่อมเวียดนาม จีน และตลาดยุโรปผ่านเส้นทางรถไฟและท่าเรือ
  2. ลงทุนหรือร่วมทุนในโรงงานแปรรูป
    • โดยเฉพาะด้านอาหาร สมุนไพร หรือวัตถุดิบที่ลาวมี แต่ยังไม่มีโรงงานแปรรูปเต็มรูปแบบ
  3. สร้างพันธมิตรที่ใช่ (The Right People)
    • ลาวมีการปกครองแบบพรรคเดียว การเจรจาธุรกิจจึงควรหาผู้ที่รู้เส้นทางและเข้าใจระบบ
    • PTL Group คือตัวอย่างองค์กรที่เข้าใจบริบทและมีส่วนในการพัฒนาเชิงโครงสร้าง
  4. ใช้โอกาสสัมปทานระยะยาวให้เป็นประโยชน์
    • เขตเศรษฐกิจพิเศษในลาวเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างชาติเขียนกฎหมายของตัวเองในพื้นที่ได้ภายใต้สัมปทาน 50+50 ปี

ตลาดน่าลองที่พาไปไกลกว่าแค่เวียงจันทน์

ลาวอาจจะมีขนาดตลาดไม่ใหญ่ แต่ศักยภาพของลาวในฐานะ Golden Land Link คือของจริง

หากคุณคือ SME ไทยที่อยากขยายฐานการผลิต ขยายเส้นทางส่งออก หรือต่อยอดจากวัตถุดิบในภูมิภาค ลาวคือประตูแห่งโอกาสที่ใกล้ แต่อาจเปิดสู่อนาคตที่ไกลอย่างไม่น่าเชื่อ

Exploring the Latest in Our Blog

Related Insights