เวียดนามคือหนึ่งในตลาดส่งออกที่น่าจับตาที่สุดในอาเซียน บทวิเคราะห์จาก SCB ชี้ให้เห็นโอกาส แรงส่ง และสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องเตรียม
หลายคนรู้จักเวียดนามในฐานะ “คู่แข่งที่น่าจับตา” แต่จากข้อมูลล่าสุดโดยคุณอภิรดี สินสุขเพิ่มพูน ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารไทยพาณิชย์ เรากลับพบว่า เวียดนามคือ “ตลาดที่น่าลุ้น” สำหรับธุรกิจไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่มองหาโอกาสในต่างประเทศ
ด้วยขนาดประชากรกว่า 100 ล้านคน (เทียบกับ 74 ล้านของไทย) และโครงสร้างอายุเฉลี่ยเพียง 34 ปี (เทียบกับ 45 ปีของไทย) เวียดนามมี “แรงส่งจากภายใน” ที่ทรงพลัง และกำลังกลายเป็นฐานกำลังซื้อที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค
สิ่งแรกที่ต้องรู้คือ เวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะ “ยาวจากเหนือจรดใต้” อย่างชัดเจน ส่งผลให้ภูมิอากาศ พฤติกรรมผู้บริโภค และระบบขนส่งแตกต่างกันมากในแต่ละภูมิภาค
นอกจากนี้ เวียดนามยังมีการใช้ ระบบ transshipment สูงมาก โดยเฉพาะจากจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งนี้อาจเป็นโอกาสใหม่สำหรับไทยในการเข้าไป “เชื่อม” ห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาค
หนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดคือ เวียดนามมีประชากรวัยทำงาน (working-age population) มากถึง 57 ล้านคน หรือราว 58% ของประชากรทั้งหมด
เมื่อเทียบกับไทยที่เริ่มเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัวแล้ว ถือว่าเวียดนามมี “พลังแรงงานที่สดใหม่” และยังอยู่ในช่วงสร้างรายได้และกำลังซื้อสูง
นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังสนับสนุนด้านการศึกษา โดยเฉพาะในสาย IT และ STEM อย่างจริงจัง ทำให้ workforce ของเวียดนามมีแนวโน้ม เก่งเทคโนโลยี และปรับตัวเร็ว
สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ชัดว่า เวียดนามไม่ได้โตเฉพาะแรงงาน แต่มี “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่รองรับการขยายธุรกิจได้ระยะยาว
นอกจากจำนวนคนและวัยแล้ว พฤติกรรมของผู้บริโภคเวียดนามก็เปลี่ยนไปอย่างน่าสนใจ
สิ่งที่ธุรกิจไทยต้องทำคือ “เข้าใจ Insight ของคนรุ่นใหม่” และออกแบบสินค้า/บริการที่มี both functional value และ emotional value
ตลาดเวียดนามในปี 2025 ไม่ใช่แค่ “น่าลอง” แต่เริ่ม “ต้องมี” สำหรับธุรกิจที่อยากเติบโตในระดับภูมิภาค
ในขณะที่หลายแบรนด์ทั่วโลกเริ่มลงหลักปักฐานในโฮจิมินห์หรือฮานอยแล้ว
คำถามคือ...แบรนด์ของคุณจะเข้าไป “เมื่อไหร่” และ “อย่างไร” ต่างหากที่สำคัญกว่า