เล่าเรื่องให้โลกฟัง: กลยุทธ์ Storytelling ดันแบรนด์ไทยให้ดังทั้งในและต่างประเทศ

กลยุทธ์ Storytelling สำหรับแบรนด์ไทยที่อยากไปตลาดต่างประเทศ เรียนรู้วิธีเล่าเรื่องให้ “อิน” และ “ตรงใจ” ผู้บริโภคในแต่ละประเทศ

SEA Bridge x Punpromotion: เมื่อการเล่าเรื่องไม่ใช่แค่การแปลภาษา แต่คือการ “แปลความรู้สึก”

เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการสื่อสารแบรนด์ในระดับภูมิภาค SEA Bridge ได้จับมือกับ Punpromotion บริษัทสื่อมีเดียชั้นนำของไทย ภายใต้ความร่วมมือในการเปิดตัว “แบรนด์สื่อภาษาต่างประเทศ” ที่ใช้แพลตฟอร์มของ Punpromotion อย่าง Nghiện Thái (เวียดนาม) และ Sawatdee (อินโดนีเซีย) ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดตามรวมกว่า 300,000 คน

แบรนด์เหล่านี้ไม่ได้มีเป้าหมายแค่ “แปลภาษา” แต่คือการเล่าเรื่องสินค้า แบรนด์ และประเทศไทย ด้วยมุมมองและภาษาที่ผู้บริโภคต่างประเทศ เข้าใจ และรู้สึกอินจริง ผ่านประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของพวกเขา

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือนี้ได้นำไปสู่การพัฒนา Framework และแนวปฏิบัติที่จับต้องได้สำหรับ SME และแบรนด์ไทยที่อยากสื่อสารสู่ตลาดโลกอย่างมีรากฐาน

Storytelling ไม่ใช่แค่ “พูดเรื่องเรา” แต่คือการพูดเรื่องที่ “เขาอิน”

คุณอรวรรณ กิตติธนนิรันดร์ CMO แห่ง Punpromotion ได้ถ่ายทอดประสบการณ์จากการทำงานกับหลายแบรนด์ไทยในเวียดนามและอินโดนีเซีย ว่า Storytelling คือเครื่องมือกลยุทธ์ ที่วางแผนมาอย่างดี ไม่ใช่แค่ “เล่าเรื่องให้ฟังสนุก”

“เวลาเล่าเรื่อง เล่าให้ถูกที่ ถูกจุด ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย”
“ไม่ใช่แค่พูดเสียงดัง แต่พูดในแบบที่เขารู้สึกว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตเขา”

นี่คือหลักคิดของ “Relatable Storytelling” ที่สามารถเปลี่ยนคอนเทนต์จากเพจธรรมดาให้กลายเป็นไวรัล และทำให้แบรนด์ไทยเป็นที่รักในตลาดใหม่

Storytelling Framework ที่ใช้ได้จริง: เข้าใจแบรนด์ เข้าใจคนฟัง

Framework ที่พัฒนาร่วมกันใน SEA Bridge และ Punpromotion สำหรับแบรนด์ไทยประกอบด้วย 6 องค์ประกอบหลัก:

  1. เข้าใจแบรนด์ (Understanding):
    แบรนด์คือใคร มีรากที่ไหน จุดยืนคืออะไร
  2. วิเคราะห์เป้าหมาย (Insight):
    เข้าใจว่าแบรนด์ต้องการสื่อสารอะไร กับใคร และเขาสนใจอะไร
  3. Mood & Tone:
    กำหนดอารมณ์ของคอนเทนต์ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น จริงจัง ตลก อบอุ่น น่ารัก
  4. Hook Message:
    เล่าให้เข้าใจง่าย เห็นภาพ มีความรู้สึกร่วม และ “เกี่ยวข้อง” กับชีวิตจริงของคนดู
  5. เลือกรูปแบบสื่อ:
    จะใช้ Short Video, Album, Long-form, Live หรือ Meme ต้องตอบโจทย์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย
  6. เลือกช่องทางการสื่อสาร:
    เช่น TikTok, IG, Facebook, หรือแพลตฟอร์มเฉพาะกลุ่มให้สอดคล้องกับ Touch Point

เรื่องอะไรที่ควรเล่า? 4 ประเด็นหลักของการทำ Storytelling ให้เวิร์ก

  1. จุดขายและข้อดีของสินค้า
  2. ความแตกต่างของแบรนด์
  3. เรื่องราวหรือรากเหง้าของแบรนด์/สินค้า/ผู้ก่อตั้ง/ที่มา
  4. ประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับ

ไม่จำเป็นต้องบอกทุกอย่างในโพสต์เดียว แต่ต้องเลือกมุมที่เหมาะกับบริบทของตลาดเป้าหมาย

ไม่ใช่แค่ Awareness แต่ต้องคิดทั้ง Funnel

Awareness

  • เป้าหมาย: ทำให้คนเห็นเยอะที่สุด
  • วิธีการ: คอนเทนต์ไวรัล, ครีเอเตอร์, Live

Interest

  • เป้าหมาย: ทำให้คนสนใจ
  • วิธีการ: หา Insights ที่ใกล้ตัวเขา

Consideration

  • เป้าหมาย: ทำให้คนเริ่มพิจารณา
  • วิธีการ: บอกจุดต่าง จุดดี จุดเด่น

Conversion

  • เป้าหมาย: ปิดการขาย
  • วิธีการ: CTA ชัดเจน ช่องทางพร้อมซื้อ

Case Study: แบรนด์ไทยที่เล่าเรื่อง “จนคนอิน”

1. ชาตรามือในเวียดนาม

  • เลือกเล่าเรื่องชาไทยแท้ ไม่ผสมสี
  • คนเวียดนามอินกับรสชาติที่ตรงใจ
  • ใช้ TikTok/IG สร้างคอนเทนต์แบบ Short Form และภาพนิ่ง
  • Mood เป็นธรรมชาติ สื่อสารผ่าน “Nghiện Thái”

2. Guss Damn Good ในอินโดฯ

  • ไอศกรีมรสชาติจากวัตถุดิบไทย
  • ใช้ภาพนิ่งเล่าเรื่อง (Photo Album)
  • สื่อสารผ่านเพจ “Sawatdee”
  • เล่าเรื่องผ่านอารมณ์ความคิดถึงบ้านของคนไทยในอินโดนีเซีย

3. แต๋เล่จิ้นเส็ง – ขนมโบราณจากตลาดน้อย

  • ขนมเปี๊ยะสูตร 100 ปี + โรงงานอยู่ตรงตลาดน้อยจริง
  • ใช้ IG, TikTok เพจ “แถวบ้าน” สร้างคอนเทนต์วัฒนธรรมแบบบ้านๆ
  • อินไซต์: ความทรงจำวัยเด็กช่วงเทศกาลจีน

Soft Power ไทยที่เล่าเรื่องแล้วปังในต่างแดน

  • Food: เครื่องดื่ม ขนม อาหารพร้อมทาน
  • Travel: ที่เที่ยว unseen หรือประสบการณ์แบบ local
  • Agriculture: ผลิตภัณฑ์จากยางพารา ผลไม้
  • Beauty: สกินแคร์ที่มีเอกลักษณ์ไทย เช่น สมุนไพร
  • Entertainment: หนัง เพลง ศิลปะร่วมสมัย

Insights ที่แท้จริงเกิดจาก “การลงพื้นที่ ไม่ใช่แค่การเดา”

คอนเทนต์ที่โดนใจชาวต่างชาติ ไม่ได้เกิดจากการเดาข้อมูลจากกูเกิล แต่ต้อง “เข้าไปคุย” เข้าไปฟังชีวิตจริงของคนในตลาดนั้น ๆ

และสิ่งที่น่าสนใจคือ…

“บางคอนเทนต์ที่โด่งดังในต่างประเทศ อาจย้อนกลับมาไวรัลในไทยได้ด้วย”

สรุปท้าย: Storytelling ต้องอิงจาก “ความเข้าใจ ไม่ใช่แค่เทคนิค”

  • การเล่าเรื่องไม่ใช่แค่เพื่อขายของ แต่เพื่อ “สร้างความสัมพันธ์”
  • เนื้อหาต้องตรงกับพฤติกรรม การใช้สื่อ และภาษาอารมณ์ของตลาดเป้าหมาย
  • เล่าเรื่องเก่ง ≠ พูดเก่ง แต่คือ ฟังเก่ง เข้าใจเก่ง และเลือกเล่าเป็น

หากต้องการนำ Framework นี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณ สามารถเริ่มจาก 3 คำถาม:

  1. เราคือใคร (Brand Identity)?
  2. คนดูต้องการอะไร (Consumer Insight)?
  3. เราจะพูดกับเขายังไงให้เขา "อิน"? (Hook Message + Media)

พวกเราเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้ "เล่าเรื่อง" ของตัวเองให้โลกได้ฟัง...

Exploring the Latest in Our Blog

Related Insights