สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยเฉพาะเมือง ดูไบ (Dubai) และ อาบูดาบี (Abu Dhabi) ถือเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และเป็น “ประตูเข้าสู่ตลาด GCC” สำหรับแบรนด์ไทยที่ต้องการเจาะกลุ่มผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง ชื่นชอบสินค้า premium และให้ความสำคัญกับมาตรฐานฮาลาล
UAE ไม่ใช่แค่ตลาดท้องถิ่น แต่ยังเป็น “Hub” ในการกระจายสินค้าไปยังซาอุดีอาระเบีย โอมาน คูเวต และแอฟริกาเหนืออีกด้วย
ทำไมแบรนด์ไทยควรเจาะตลาด UAE?
- รายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงกว่า 45,000 ดอลลาร์/ปี
- ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ (Expat มากกว่า 85%) เปิดรับสินค้าใหม่จากเอเชีย
- เป็นผู้นำเทรนด์ในอ่าวอาหรับ โดยเฉพาะด้าน Beauty, Wellness, Fashion และ Food
- ผู้บริโภคใน UAE ให้ความสำคัญกับคุณภาพ มาตรฐาน และบรรจุภัณฑ์
- ชาวไทยและสินค้าไทยได้รับความนิยม เช่น สปาไทย อาหารไทย และสมุนไพรไทย
สินค้าไทยที่มีศักยภาพสูงในตลาด UAE
- ผลิตภัณฑ์ความงามและสกินแคร์ Halal Certified เช่น ครีม สมุนไพร มาสก์
- อาหารพร้อมรับประทาน เครื่องดื่มสมุนไพร และ Functional Food
- ผลิตภัณฑ์ Wellness & Spa เช่น น้ำมันนวด เทียนหอม สครับ
- แฟชั่นและเครื่องประดับไทยที่มีเอกลักษณ์แบบร่วมสมัย
- ผลิตภัณฑ์แม่และเด็กแบบปลอดสารอันตราย
กลยุทธ์ “เจาะตลาด UAE” ให้สำเร็จ
✅ ขอใบรับรองฮาลาลผ่านหน่วยงานที่ UAE รับรอง เช่น ESMA หรือ SFDA
✅ ใช้ฉลากภาษาอังกฤษ + อาหรับ พร้อมบรรจุภัณฑ์สวยงามแบบ premium
✅ ร่วมมือกับ KOL หรือร้านค้าในดูไบที่เน้น “Asian Premium Products”
✅ เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในดูไบ เช่น Gulfood, Beautyworld Middle East, Arab Health
✅ เน้นสตอรี่แบรนด์แบบ “Holistic Thai Wellness / Authentic Thai Heritage”
ช่องทางขายยอดนิยมใน UAE
- Retail chain เช่น Carrefour, Lulu Hypermarket, Waitrose, Spinneys
- Premium store เช่น The Dubai Mall, Mercato Mall
- Online platforms เช่น Amazon.ae, Noon, Mumzworld
- ร้านเฉพาะทาง Asian Specialty & Halal Market
SEA Bridge กับภารกิจ “พาสินค้าไทยเจาะตลาดดูไบ”
SEA Bridge มีเครือข่ายผู้ประกอบการ, distributor และ buyer ใน UAE พร้อม:
- วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายให้เหมาะกับสินค้า
- วางกลยุทธ์การตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์
- เชื่อมต่อกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นที่เข้าใจตลาด
- จัด Business Matching และงานแสดงสินค้าในดูไบ