บทความต้นฉบับเผยแพร่ 1 ตุลาคม 2561 (ฉบับภาษาอังกฤษ) | ปรับปรุงใหม่พร้อมมุมมองสำหรับยุคปัจจุบัน
"พนักงานลาออก" สำหรับหลายบริษัทคือฝันร้าย แต่สำหรับผม มันกลับเป็นโอกาสทองที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปอีกขั้น
เดือนที่แล้ว พนักงาน 8 คน (เกือบหนึ่งในสี่ของทีม) ตัดสินใจลาออกจากบริษัทเรา บางคนอยู่กับเราเกือบ 3 ปี บางคนเพียง 3 เดือน ในการประชุมครั้งสุดท้าย อารมณ์ของทุกคนปั่นป่วน รวมทั้งตัวผมเอง
แต่หลังจากผ่านช่วงวุ่นวายไปได้ ผมกลับรู้สึกว่า... ดีใจจริงๆ
ในสตาร์ทอัพระยะแรก งานไม่มีวันหมด แรงกดดันสูงมาก แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้คนที่เข้ามาได้เรียนรู้แบบเร่งรัด พัฒนาทักษะหลากหลาย และกลายเป็นคนที่มีค่าไม่เฉพาะกับเราเท่านั้น แต่กับคนอื่นด้วย
ยกตัวอย่าง ทิกา เริ่มต้นทำงานในทีมอาหาร ต่อมาย้ายไปทีมการตลาด ดูแลชุมชนลูกค้า สุดท้ายกลายเป็นนักเขียนคอนเทนต์หลักของเรา ไม่กี่เดือนต่อมา เธอได้งาน UX Writer ที่ Traveloka หนึ่งในยูนิคอร์นของอินโดนีเซีย
นี่คือเรื่องราวความสำเร็จของเธอ ไม่ใช่ความล้มเหลวของเรา การที่เราเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในอาชีพเธอ เรารู้สึกภูมิใจมาก
วงการสตาร์ทอัพดึงดูดคนสองประเภท:
การที่คนบางกลุ่มลาออกไป จริงๆ แล้วช่วยคัดกรองให้เหลือแต่คนที่ใช่ เพราะการเดินทางของสตาร์ทอัพมีขึ้น-ลง ต้องใช้ความแข็งแกร่งทางจิตใจและความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ
หลายคนเข้าใจผิดว่าสตาร์ทอัพเหมือนบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ พอมาแล้วคาดหวัง:
เมื่อคนพวกนี้ลาออกไป แสดงว่าพวกเขาคัดตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมที่เขาไม่เหมาะ ซึ่งประหยัดเวลาและทรัพยากรของทั้งสองฝ่าย
ทุกครั้งที่มีคนลาออก เราจะหยุดถามตัวเองว่า:
ส่วนใหญ่เราเลิกจ้างตำแหน่งนั้น แล้วหาวิธีทำงานแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า การปรับปรุงแบบนี้ทำให้เราอยู่ในสภาพที่ลีนและคล่องตัวตลอดเวลา
ถ้า AI และ automation จะมาแทนที่งานหลายอย่าง เราควรเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนที่โลกจะเปลี่ยนเรา การที่พนักงานลาออกเป็นโอกาสธรรมชาติที่จะทดลองวิธีทำงานใหม่ๆ
การที่คนลาออกบ่อยบังคับให้ผู้นำตรวจสอบวัฒนธรรมบริษัท:
ไม่มีบริษัทไหนสิบเป็นสิบสิบ ช่วงเวลาที่เราได้ทบทวนตัวเองแบบนี้ช่วยให้เราเจอและแก้ปัญหาระบบก่อนที่มันจะใหญ่เกินไป
พนักงานทุกคนที่ลาออกให้ความคิดเห็นที่มีค่ามาก เราเอา insight จาก exit interview มาปรับเปลี่ยนนโยบายและวัฒนธรรมหลายอย่าง
เราบอกพนักงานทุกคนที่ลาออกว่า การรัก Kulina ไม่จำเป็นต้องช่วยงานเราจากข้างใน เรากำลังสร้างเครือข่ายของคนที่สนับสนุนเรา (หรือสมาชิกครอบครัวขยาย) ที่กระจายอยู่ทั่วไป
โลกมันเล็ก เราจะได้ทำงานร่วมกันอีกแน่นอน ตอนนี้เรามีเครือข่ายคนในหลายบริษัท (อาหาร การท่องเที่ยว โลจิสติกส์) ที่เราเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย และพวกเขาเป็นคนที่ช่วยประชาสัมพันธ์ Kulina ให้โลกรู้จัก พวกเขาช่วยเราจากข้างนอก!
ผมโชคดีที่ได้เรียนรู้เรื่อง "การยกมาตรฐานขึ้น" จาก Amazon ตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพ เราให้หลักการกับทุกคนในบริษัทว่า "จ้างคนที่เก่งกว่าและฉลาดกว่าเราเสมอ"
ด้วยความคิดแบบนี้ เรามั่นใจว่าตำแหน่งที่ว่างจะถูกเติมด้วยมุมมองใหม่ๆ ที่จะท้าทายให้เราไปอีกระดับ
ใน 3 เดือนที่ผ่านมา เราจ้างคนใหม่ 26 คน แต่ละคนนำประสบการณ์และความคิดใหม่ๆ มาท้าทายกระบวนการเดิมของเรา และผลักดันให้เราไปสู่นวัตกรรม
ในฐานะสตาร์ทอัพ เรายอมรับข้อจำกัดของเรา:
แต่สิ่งที่เราให้ได้นั้นล้ำค่า:
การที่คนเปลี่ยนเป็นประจำป้องกันเงินเดือนและสวัสดิการพุ่งสูงจนบริษัทแบกไม่ไหว
พนักงานใหม่นำพลังงานสดใสและป้องกันไม่ให้องค์กรนิ่งและล้าสมัย
ประสบการณ์และแบ็กกราวน์ที่แตกต่างกันสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาที่แข็งแกร่งกว่า
พนักงานจากบริษัทต่างๆ แบ่งปัน insight และ best practice ของอุตสาหกรรม
การที่พนักงานลาออกไม่ควรมองว่าเป็นความล้มเหลว มันเป็นส่วนธรรมชาติของการพัฒนาองค์กร เมื่อคนลาออกจากสตาร์ทอัพของคุณ ให้ฉลองการเติบโตของพวกเขา เรียนรู้จากความคิดเห็นของพวกเขา และใช้โอกาสนี้เสริมสร้างบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น
เป้าหมายไม่ใช่การเก็บพนักงานไว้ตลอดไป แต่เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่คนเก่งสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สร้างผลงานที่มีความหมาย และพร้อมไปสู่โอกาสที่ใหญ่กว่าเมื่อถึงเวลา
ใช่ ผมคิดถึงเพื่อนร่วมงานที่จากไป แต่ผมตื่นเต้นกับมุมมองใหม่ที่คนใหม่จะนำมา และการปรับปรุงต่อเนื่องที่เพื่อนเก่าทำให้เป็นไปได้
พร้อมสร้างวัฒนธรรมสตาร์ทอัพที่เร่งการเติบโตในอาชีพแล้วมั้ย? มาดูหน้าสมัครงานของเราว่าทำไมการทำงานกับเราอาจเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนเส้นทางอาชีพคุณไปตลอดกาล
Tags: การลาออกของพนักงาน, วัฒนธรรมสตาร์ทอัพ, การพัฒนาบุคลากร, การเติบโตในอาชีพ, การบริหารองค์กร, การจัดการสตาร์ทอัพ, การรักษาพนักงาน, วัฒนธรรมที่ทำงาน